ปัจจัยที่ส่งผลให้อัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของแต่ละคนไม่เท่ากัน

0 Comments
ประกันรถยนต์

กรณีหากต้องการต่อประกันรถยนต์ โดยส่วนใหญ่เลือกทำเพื่อตัวคุณเอง รถยนต์ของคุณ และบุคคลภายนอก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงทางด้านการเงินหากเกิดอุบัติเหตุรุนแรงขึ้นนั่นเอง แต่หลายคนคงสงสัยกันเหลือเกินว่า เหตุใดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของคุณกับคนอื่นจึงไม่เท่ากัน โดยมีปัจจัยดังต่อไปนี้

หลักการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์เมื่อต่อประกันรถยนต์

ปัจจัยในการกำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ได้แก่

  1. สภาพของรถยนต์ (Age Group) 

สภาพของรถยนต์มีลักษณะอย่างไร เป็นรถเก่าหรือรถใหม่ รุ่นปี ของรถลักษณะเครื่องและตัวถัง หากยิ่งรถที่มีสภาพดีอัตราเบี้ยประกันก็จะตํ่าลง

  1. ชนิดการใช้รถยนต์ (Use) 

รถที่นำมาใช้เป็นรถประเภทไหน เช่น รถบรรทุกส่วนบุคคล รถบรรทุกสาธารณะ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถโดยสารป้ายดำ รถยนต์สาธารณะ โอกาสจะเกิดความเสียหายมีมากกว่ารถนั่งส่วนบุคคล ซึ่งจะมีอัตราเบี้ยประกันที่จะสูงขึ้น

  1. ขอบเขตของการใช้รถยนต์ (Territory) 

อณาเขตของการใช้รถยนต์ถ้าต้องการใช้ที่นอกเหนือจากอาณาเขตที่กำหนดไว้ อัตราเบี้ยประกันจะสูงขึ้น เช่น การใช้รถยนต์ข้ามเขตไปต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น หรือใช้ระยะใกล้ๆหรือใช้ระยะไกล ยิ่งระยะทางไกลความเสี่ยงก็ยิ่งมีมากขึ้น

  1. น้ำหนักบรรทุก (Weight) 

สำหรับทางตรงข้ามในการคิดเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับประเทศของรถยนต์ที่ใช้ เช่น รถยนต์ส่วนบุคคลคิดค่าเบี้ยประกันตามแรงม้าของเครื่องยนต์ C.C. ถ้าเป็นรถบรรทุกจะคิดตามน้ำหนักที่บรรทุกเป็นเกณฑ์

  1. ทุนประกัน (Sum Insured) 

รถยนต์จะมีจำนวนมากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับชนิดและรุ่นของรถนั้นๆ ราคาที่ประกันจะไม่เกินราคาที่แท้จริงของรถยนต์นั้น

  1. ผู้ขับขี่

ผู้ขับขี่รถยนต์ประเภทนั้นๆ ซึ่งเกี่ยวกับ – เพศของผู้ขับขี่

     – อายุ

     – อาชีพ

   – สถานะทางครอบครัว เช่น โสด มีบุตร บุตรกี่คน

      – อายุใบอนุญาตขับขี่

   – ประวัติการใช้รถของผู้ขับขี่ เช่น เคยเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ และร้ายแรงหรือเปล่า

     – สุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะ สมอง ตา หู

  1. ประเภทของภัยที่คุ้มครอง 

เป็นอัตราเบี้ยประกันจะขึ้นตามจำนวนภัยที่ต้องการให้ความคุ้มครองเพิ่มเติม

  1. ปัจจัยอื่นๆ

การเก็บรักษารถยนต์ , สถานที่เก็บรักษารถยนต์ , ภัยทางด้านจิตใจของผู้ขับขี่ เป็นต้น

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาเมื่อมีการต่อประกันรถยนต์ของคุณ และทำให้ในแต่ละเคสของการประกันภัยรถยนต์มีอัตราเบี้ยประกันภัยไม่เท่ากันนั่นเอง